ตร.ภาค6 รุกคืบมวลชนจัดสายตรวจพบปะชาวบ้าน



ตร.ภาค6 รุกคืบมวลชนจัดสายตรวจพบปะชาวบ้าน : สายตรวจระวังภัย โดยปฏิญญา ศรีสุภมาตุ

 การเจริญเติบโตของเมืองที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีอย่างจำกัด อาจเข้ามากำกับดูแลสารทุกข์สุกดิบของประชาชนได้อย่างไม่ทั่วถึง ด้วยสาเหตุนี้ พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 จึงมีแนวคิดในการทำงานด้วยมาตรการเชิงรุก โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ออกพบปะประชาชนในทุกพื้นที่ พร้อมทั้งพูดคุยสอบถามถึงปัญหาต่างๆ เพื่อนำกลับมาประยุกต์ใช้ให้ทันกับสถานการณ์ป้องกันปัญหาอาชญากรรม

            เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ เล่าว่า เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม และสกัดต้นตอของเหตุ จึงได้มุ่งเน้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6  ออกรับฟังปัญหาต่างๆ ของชาวบ้านในทุกพื้นที่ เพื่อนำปัญหาเหล่านั้นกลับมาต่อยอด หรือนำกลับมาพัฒนาให้เกิดความชัดเจนในการป้องกันอาชญากรรม ดังนั้น จึงได้ดำเนินการจัดทำ Stop Walk & Talk ซึ่งไม่ใช่โครงการ แต่เป็นแนวทางปฏิบัติ ที่จะสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างตำรวจกับประชาชน เพื่อเข้าถึงข้อมูลความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และคลายทุกข์ให้แก่ประชาชนได้อย่างตรงจุด เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่จะมีข้อมูลจริงที่เกิดขึ้นในชุมชน และเมื่อประชาชนเกิดความไว้วางใจเจ้าหน้าที่ ก็จะให้ข้อมูลปัญหาภาพกว้าง ดังนั้น จึงจะทราบว่าพื้นที่ใดมีปัญหา หรือสงบเรียบร้อย ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างตรงเป้า ประหยัด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นผู้ที่จะกระทำผิดเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จริง และใกล้ชิดกับประชาชน ก็อาจจะเกรงกลัวและไม่กล้ากระทำผิดกฎหมายได้

            จากการดำเนินงาน นโยบาย Stop Walk & Talk เป็นเวลากว่า 3 เดือน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 ทั้งหมด 147 สถานีใช้เวลาช่วงเข้าผลัดเวรลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชน พบว่าหลายพื้นที่มีความสงบเรียบร้อยมากขึ้น จากการสอบถามพบว่า ชาวบ้านมีความสุขและสบายใจมากขึ้นทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ และยังสร้างความไว้วางใจใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงพื้นที่คุยกับชาวบ้านทุกวัน ก็ลดความแข็งกระด้าง และนุ่มนวลขึ้น เข้าถึงได้ง่าย และเมื่อเกิดเหตุใดก็ตามในชุมชน ชาวบ้านก็ลดความเกร็ง หรือกลัวที่จะชี้แจงข้อมูลเท็จจริงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

            “ดังนั้น Stop Walk & Talk จึงเป็นแนวทางที่อาศัยบนหลักความจริง และปฏิบัติได้จริง รวมทั้งไม่สร้างภาระให้แก่เจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้น แต่กลับทำให้การปฏิบัติงานง่าย และตรงจุดมากขึ้น รวมทั้งสร้างความพึงพอใจและการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน เชื่อว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้า แนวทางดังกล่าวจะเข้มแข็งมากขึ้น และเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ” พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ กล่าว

            พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ กล่าวอีกว่า การพบปะกับประชาชนในแต่ละวันจะมีการ ลงชื่อ เบอร์โทร เวลา และสถานที่ เอาไว้ จากนั้นให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบ ว่าสายตรวจเจ้าของสมุดพกนั้น ได้ไปพบปะประชาชนจริงหรือไม่ และมีความพึงพอใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ถือเป็นนโยบายเชิงรุก ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน ทำให้ประชาชนกับตำรวจมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น และสามารถนำเสียงติติง ข้อแนะนำจากประชาชน มาพัฒนาการทำงานต่อไปได้อีกด้วย


ที่มา: http://www.komchadluek.net


0 comments:

Post a Comment