ฆาตกรที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์
โดยปกติของคดีที่คนร้ายยังเป็นผู้เยาว์อยู่ กฏหมายจะทำการคุ้มครองโดยไม่ให้มีการเผยแพร่ใบหน้าและชื่อจริงออกสู่สาธารณชน แต่เนื่องจากในปัจจุบันนี้ อินเตอร์เน็ตมีความก้าวหน้าและแพร่หลายเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่ข้อมูลของคนร้ายถูกปล่อยออกมาในเน็ต และก็เป็นการยากที่จะควบคุมได้ทั้งหมด
ในกรณีของเด็กหญิงคนร้ายผู้นี้ ในรูปซึ่งถูกเผยแพร่ทางเน็ต(และถูกกล่าวว่าเป็นรูปของเด็กหญิงคนร้าย) เสื้อที่เธอใส่ในรูปมีลายพรินท์ว่า”NEVADA” ชาวเน็ตญี่ปุ่นส่วนหนึ่งจึงเรียกเด็กหญิงคนร้ายว่า”เนวาด้าทัน” (“ทัน”แผลงมาจาก”จัง” เป็นศัพท์ของบอร์ด 2Ch น่ะ) และยกให้เป็นเน็ตไอด้อลเนื่องจากเป็น”ฆาตกรที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์” มีเพจซึ่งเป็นแฟนไซต์และมีการวาดภาพแฟนอาร์ตของเนวาด้าออกมามากมาย
คดีนี้มีอยู่ว่า เด็กหญิงประถม 6 ฆาตกรรมเพื่อนร่วมชั้นที่นางาซากิ แล้วเด็กหญิงคนร้ายและมิตะราอิ ซาโตมิ ผู้เคราะห์ร้ายเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ทั้งสองต่างก็มีโฮมเพจเป็นของตัวเองและเขียนคอมเมนท์ลงในบอร์ดของฝ่ายตรงข้ามบ่อยๆ ซึ่งนี่เองที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นภายหลัง หากจะเรียบเรียงตามโฮมเพจและคำให้การในภายหลังก็สรุปเรื่องระหว่างเด็กทั้งสอง
ได้ดังต่อไปนี้
27 พฤษภาคม 2004 ซาโตมิและเด็กหญิงคนร้ายเล่นกัน ซึ่งซาโตมิพูดล้อเลียนว่า”ตัวหนัก”ทำให้เจ้าตัวไม่พอใจ
28 พฤษภาคม เด็กหญิงลองคิดวิธีฆ่า 3 วิธีคือใช้คัตเตอร์ ที่เจาะน้ำแข็ง และบีบคอ” ตั้งใจว่าจะฆ่าวันนี้ แต่ทำไม่ลง”
29 พฤษภาคม ซาโตมิเขียนลงในโฮมเพจของเด็กหญิงว่า”กระแดะ” เด็กหญิงทำการลบคอมเมนท์ทิ้งไป หากซาโตมิก็มาเขียนซ้ำอีก “ฉันจะฆ่าแก รีบๆหายไปจากโลกนี้ซะ”
30 พฤษภาคม ทั้งสองทะเลาะกันเรื่องคอมเมนท์ในโฮมเพจระหว่างงานกีฬา ซาโตมิซึ่งโดนเขียนแก้โฮมเพจ และกล่าวในบอร์ดทำนองว่า”รู้หรอกว่าใครเป็นคนร้าย” เด็กหญิงอ่านข้อความดังกล่าวและเริ่มคิดว่าจะฆ่าอีกฝ่ายยังไง
31 พฤษภาคม “ฉันตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะไปซื้อคัตเตอร์มาฆ่าเขา”
1 มิถุนายน ระหว่างเวลารับประทานอาหารกลางวัน เด็กหญิงเรียกซาโตมิออกมาและบอกให้เธอนั่งลงบนพื้นแล้วปิดม่านหน้าต่าง เธอใช้มือข้างหนึ่งปิดตาซาโตมิพร้อมกับใช้คัตเตอร์ปาดคอ แผลนั้นลากจากกลางคอไปทางขวา 10 เซนติเมตร ความลึกของแผลโดยเฉลี่ย 10 เซนติเมตร (คอของผู้ใหญ่โดยทั่วไปจะมีความกว้างประมาณ 13-15 เซนติเมตร) ซาโตมิพยายามขอความช่วยเหลือ หากก็ขาดใจตายที่ประตูห้องนั่นเอง (นอกจากนี้ ยังพบแผลที่มือที่มีความลึกจนเห็นกระดูกอีกด้วย)
เด็กหญิงใช้เวลาอีก 15 นาทีสังเกตุจนแน่ใจว่าตายสนิทแล้ว จึงใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อคัตเตอร์ซึ่งโชกเลือดแล้วกลับไปยังห้องเรียน เมื่อถูกอาจารย์ถามก็เกิดอาการแตกตื่นร้องว่า”ไม่ใช่เลือดของฉัน ! ไม่ใช่ฉัน !”
เด็กหญิงคนร้ายให้การว่าเธอทำเลียนแบบในละครชุดซึ่งดูเมื่อคืนก่อน ทำให้รายการโทรทัศน์ที่มีการนำเสนอเกี่ยวการฆาตกรรมของทุกสถานีต้องระงับการฉายไป ทั้งนี้ เนื่องจากเด็กหญิงมีความคลั่งไคล้ในหนังเรื่อง Battle Royale มาก เหตุการณ์นี้จึงทำให้กำหนดการฉายของ Battle Royale ภาค 2 ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน
ที่มา : http://khaosods.blogspot.com/2016/01/blog-post_412.html
0 comments:
Post a Comment