สยามอัพเดทมีรายงานจากคดีมีการขุดพบศพโครงกระดูกถูกฝังดินทิ้งไว้ที่ข้างบ้านเลขที่ 29/1 หมู่ที่ 6 บ้านคุ้งวารี ต.บางม่วง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยมีญาติพี่น้องของเจ้าของบ้านระบุยืนยันว่าเป็นศพของ น.ส.ชมภูนุช มาศแจ้ง อายุ 33 ปี เจ้าของบ้านที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนานกว่า 1 ปี จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางม่วง ได้การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.ชมภูนุช มาสอบปากคำ รวมถึงการส่งศพโครงกระดูกไปตรวจพิสูจน์และหาดีเอ็นเอ ว่าเป็นศพของ น.ส.ชมภูนุช ตามที่ญาติและพี่น้องยืนยันหรือไม่
แต่ในขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวน ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี บุตรของ น.ส.ชมภูนุช มีการแชทข้อความผ่านเฟซบุ๊คพูดคุยกับผู้ต้องสงสัย จนต้องมีการสอบปากคำอย่างหนักตอนทั้งคืนที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันนี้ (15 มกราคม 2559) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปไปที่ สภ.บางม่วง เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีดังกล่าว พบว่า พ.ต.อ.สุกฤษฏิ์ บุญทรง รอง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ และเจ้าหน้าที่ทีมฝ่ายสืบสวนยังมีนำผู้ต้องสงสัย และ น.ส.บี มาแยกห้องกันสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด นานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนจะมีการนำตัวคนทั้งคู่ไปตรวจดีเอ็นเอ ยังหน่วยพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.นครสวรรค์ จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนจึงมีการพาตัว น.ส.บี ไปสอบปากคำร่วมกับพนักงานอัยการจังหวัดนครสวรรค์ ตามขั้นตอนต่อไป ส่วนศพโครงกระดูก รวมถึงวัตถุพยานต่างๆ ได้ถูกส่งไปตรวจยังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจเมื่อช่วงเช้าแล้ว ซึ่งต้องรอผลการตรวจอย่างละเอียดไม่ต่ำกว่า 3 วัน
พ.ต.อ.สุกฤษฏิ์ บุญทรง รอง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับผลการสอบสวน ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี กำลังในระหว่างดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยตนได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างรัดกุมมากที่สุด ซึ่งก็มีความคืบหน้าไปมากกว่า 50 เปอร์เซ็นแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติม หรือระบุได้ว่าขณะนี้คนร้ายคือใคร ซึ่งก็ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน และรอผลตรวจพิสูจน์ศพโครงกระดูก รวมถึงวัตถุพยานต่างๆ ที่ตรวจพบ จึงจะมีการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสมศักดิ์ พี่ชายของ น.ส.ชมภูนุช ที่มานั่งเฝ้าที่โรงพักเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีมาตั้งแต่วันแรกว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา น.ส.บี บุตรของ น.ส.ชมภูนุช ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำอย่างเคร่งเครียดเกือบตลอดทั้งคืน ซึ่งก็ยังคงให้การวนไปวนมา
เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ น.ส.บี เขียนใบบันทึกข้อความ 2 ครั้ง โดยครั้งแรก น.ส.บี ยอมรับว่าร่วมลงมือกับพ่อเลี้ยง แต่ใบบันทึกอีกใบกลับยอมรับว่าลงมือคนเดียว ซึ่งตนในฐานะที่เป็นญาติเข้าร่วมรับฟังการสอบสวนด้วยเห็นว่าไม่น่าจะเป็นไป ได้ที่จะลงมือทำเพียงคนเดียว จึงได้พูดคุยกับหลานสาวจนยอมเผยว่า
ในวันที่เห็นเหตุการณ์ น.ส.ชมภูนุช มีปากเสียงกับพ่อเลี้ยงในเรื่องที่ตั้งท้อง 2-3 เดือน แต่พ่อเลี้ยงขอให้ไปเอาเด็กออก ซึ่ง น.ส.ชมภูนุช ไม่ยอมจึงเกิดการทะเลาะกัน โดยในระหว่างนั้น น.ส.ชมภูนุช ได้ขอร้องให้ น.ส.บี กลับเข้าห้องนอน เพราะไม่อยากให้บุตรเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“หลานสาว เล่าต่อด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่า หลังจากเข้าไปอยู่ในห้องนอนนานกว่า 1 ชั่วโมง และเห็นว่าเสียงทะเลาะเงียบหายไป หลานสาวของตนจึงได้ออกจากห้องมาดูด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ต้องตกใจ และต้องตะลึงกับภาพที่เห็น คือ ศพของมารดาถูกมัดปากมัดมือด้วยฝีมือการกระทำของพ่อเลี้ยง”
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ น.ส.บี ได้เผย และทำให้ตนรู้สึกถึงความโหดร้ายมากยิ่งขึ้น คือการที่ น.ส.บี เผยว่าถูกพ่อเลี้ยงบังคับข่มขืนมานานก่อนที่ น.ส.ชมภูนุช จะหายตัวไป และยังถูกพ่อเลี้ยงถ่ายคลิปเก็บไว้ในระหว่างที่ถูกกระทำย่ำยีทั้งร่างกายและ จิตใจด้วย จึงเป็นเหตุให้พ่อเลี้ยงใช้คลิปดังกล่าวข่มขู่บังคับ น.ส.บี นำจอบไปขุดดินที่บริเวณข้างบ้าน ก่อนที่พ่อเลี้ยงจะลากร่างของ น.ส.ชมภูนุช ไปฝังทิ้งไว้ที่หลุม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตนก็ยังมีข้อสงสัยในอีกหลายประเด็น ซึ่งก็มองว่า เรืองมันจะต้องมีมากกว่านี้อย่างแน่นอน แต่รอผลการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป.
ที่มา : http://www.siamupdate.com/news-180192
0 comments:
Post a Comment